วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

Welcome To ยูโร 2016รอบเลือกเฟ้นพร้อมทั้งวิเคราะห์บอลการเผชิญกันของแต่ละฝ่าย

Welcome To ยูโร 2016

เวลคัม

ซึ่งหลังจากผ่านเวิลด์คัพ 2014 ไปได้ 2 จันทรเศษ ๆ ก็ได้ภายสำหรับการฉลองฟาดแข้งทัวร์นาเมนท์รอง น้อง ๆ เวิลด์คัพ จะได้โอกาสระเบิดขึ้น นั่นก็คือศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 15 หรือศึก ยูโร 2016

โดยในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติบ้านเมืองยุโรป ครั้งนี้ ฝรั่งเศส อดีตแชมป์ 2 สมัย รับสมัครใจเป็นเจ้าภาพจัดการรบรอบสุดท้าย ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน ถึง 10 กรกฎาคม 2016


ซึ่งทางครั้งนี้ เจ้าภาพ ได้เตรียมสนามทดลองแผ่ซ่านไปทั่วแผ่นดินฝรั่งเศส ร่วมชุมนุมแล้ว 10 เมือง อันได้แก่ 


  1. กรุงปารีส 
  2. แซ็งต์ เดนิส 
  3. ล็องส์ 
  4. ลีลล์ 
  5. แซ็งต์ เอเตียน 
  6. ลียง 
  7. บอร์กโดซ์  
  8. ตูลูส 
  9. มาร์กเซย 
  10. นีซ


และลองมาวิเคราะห์บอลในศึกยูโร 2016 อีกทั้งถือเป็นครั้งแรก ที่รอบสุดท้าย จะมีถึง 24 ชาติ เข้าประสานโรมรันพันตู จากที่การแข่งขันในหนแรก ที่ฝรั่งเศส เมื่อปี 1960 รอบมากท้ายมีแค่ 4 ทีม ก่อนที่จะขยับเพิ่มเป็น 8 ทีม ในปี 1980 ที่อิตาลี ด้วยกันเพิ่มมาเป็น16 ทีม นับตั้งแต่ยูโร 1996 ที่ประเทศอังกฤษ จนจวบจนมาเป็น 24 ทีมในครั้งนี้






โดยที่ในรอบคัดลงคะแนน ทั้ง 53 ชาติคนของยูฟ่า ยกงดเจ้าภาพ ฝรั่งเศส จะต้องมายอมฟาดแข้งต้นฉบับแบ่งกลุ่ม โดยรอบคัดเลือก จะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 9 กลุ่ม ๆ ละ 5 หรือ 6 ชาติ ลงเตะแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน โดยมีโปรแกรมดีๆการลงเตะที่ชัดเจนดังนี้



  • 1 : แข่งขันระหว่างวันที่ 7 - 9 เดือนกันยายน 2014
  • 2 : แข่งระหว่างวันที่ 9 -11 เดือนตุลาคม 2014
  • 3 : แข่งขันระหว่างวันที่ 12 - 14 เดือนตุลาคม 2014
  • 4 : ชิงชัยระหว่างวันที่ 14 - 16 เดือนพฤศจิกายน 2014
  • 5 : ชิงชัยระหว่างวันที่ 27 - 29 เดือนมีนาคม 2015
  • 6 : ชิงชัยระหว่างวันที่ 12 - 14 เดือนมิถุนายน 2015
  • 7 : แข่งระหว่างวันที่ 3 - 5 เดือนกันยายน 2015
  • 8 : แข่งขันระหว่างวันที่ 6 - 8 เดือนกันยายน 2015
  • 9 : แข่งระหว่างวันที่ 8 - 10 เดือนกันยายน 2015
  • 10 : แข่งระหว่างวันที่ 11 - 13 เดือนตุลาคม 2015

ซึ่ง แชมป์กลุ่ม กับรองแชมป์กลุ่ม จะได้เข้าไปรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ รวม 9 กลุ่ม 18 ทีม 

เพราะว่าที่ทีมอันดับที่ 3 ดีที่สุด จะได้เข้ารอบไปอีก 1 ทีม ส่วนทีมชั้นที่ 3 ของอีก 8 กลุ่มที่เหลือ จะจับสลากยาเตะเพลย์ออฟแบบ เหย้า-เยือน หาอีก 4 ทีมก็จะได้ทีมจากรอบคัดเลือกรวมทั้งสิ้น 23 ทีม เข้าไปรวมกับเจ้าภาพฝรั่งเศส เป็น 24 ทีม




สำหรับรอบเพลย์ออฟ ระหว่าง ทีมระดับ 3 รวมทีม 4 คู่ จะมีจำกัดเตะนัดแรก วันที่ 12-13-14 พฤศจิกายน 2015 , นัดที่สอง เตะระหว่างวันที่ 15-16-17 พฤศจิกายน 2015


และสำหรับการรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง 9 กลุ่ม มีชาติใดกันบ้าง เชื่อว่า หลาย ๆ ท่านอาจจะยังไม่รับรู้ หรือเคยทราบ ก็อาจจะลืมไป เพราะฉะนั้นไปติดตามกันได้เลย



  1. กลุ่ม เอ : ทีมชาติกำเนิดสาธารณรัฐเช็ก , ทีมชาติไอซ์แลนด์ , ทีมชาติคาซักสถาน , ทีมชาติลัตเวีย , ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และ ทีมชาติตุรกี
  2. กลุ่ม บี : ทีมชาติอันดอร์ร่า , ทีมชาติเบลเยียม , ทีมชาติบอสเนีย , ทีมชาติไซปรัส , ทีมชาติอิสราเอล และ ทีมชาติเวลส์
  3. กลุ่ม ซี : ทีมชาติเบลารุส , ทีมชาติมาซิโดเนีย , ทีมชาติลักเซมเบิร์ก , ทีมชาติ โลวะเกีย , ทีมชาติ เปน และ ทีมชาติยูเครน
  4. กลุ่ม ดี : ทีมชาติจอร์เจีย , ทีมชาติ ยอรมนี , ทีมชาติยิบรอลตาร์ , ทีมชาติ ปแลนด์ , ทีมชาติสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และ ทีมชาติสกอตแลนด์
  5. กลุ่ม อี : ทีมชาติอังกฤษ , ทีมชาติเอสโตเนีย , ทีมชาติลิธัวเนีย , ทีมชาติซาน มารีโน่ , ทีมชาติสโลวีเนีย และ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
  6. กลุ่ม เอฟ : ทีมชาติหมู่เกาะแฟโร , ทีมชาติฟินแลนด์ , ทีมชาติกรีซ , ทีมชาติฮังการี , ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ และ ทีมชาติโรมาเนีย
  7. กลุ่ม จี : ทีมชาติออสเตรีย , ทีมชาติมอนเตเนโกร , ทีมชาติลิกเตนสไตน์ , ทีมชาติมอลโดวา , ทีมชาติรัสเซีย และ ทีมชาติสวีเดน
  8. กลุ่ม เอช : ทีมชาติอาเซอร์ไบจาน , ทีมชาติบัลแกเรีย , ทีมประชาชาติโครเอเชีย , ทีมชาติอิตาลี , ทีมชาติมอลตา และ ทีมชาตินอร์เวย์
  9. กลุ่ม ไอ : ทีมชาติแอลเบเนีย , ทีมชาติอาร์มีเนีย , ทีมชาติเดนมาร์ก , ทีมชาติโปรตุเกส และ ทีมชาติเซอร์เบีย





พร้อมด้วยถ้าดูจากการแยกประเภทกลุ่ม และรูปแบบของการค้นหาทีมเข้ารอบสุดหางแล้ว เชื่อขนมกินล่วงหน้าก่อนได้เลยว่า บรรดาชาติใหญ่ ๆ ทั้งหลาย ไม่น่าจะมีใคร พ้นวงสัญจรตั้งแต่รอบคัดลงคะแนนอย่างแน่นอน


เกี่ยวกับแฟน ๆ ทีมใด ก็รอติดตามลุ้นทีมตัวเองกันได้เลยครับ




เมื่อความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี

ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี!


ใจความสำคัญนี้ผมกล้าประภาษได้เลยว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการประกาศผลรางวัลที่มีคนไทยเป็นหนึ่งในแคนดิเดต โดยยึดคะแนนจากการโหวตในอินเทอร์เน็ต คนไทยคนนั้นมีทางเลือกสูงมากที่จะชนะเลิศ เพราะเรื่องนี้คนไทยไม่อนุหน้าชาติใดในโลกเลย


เพราะที่ก่อนกำหนดหน้านี้ตารางแข่งบอลคุ้นมีอุทาหรณ์ให้เห็นมาแล้ว กรณีที่ มุ้ย หรือ ธีรศิลป์ แดงดา และ อุ้ม หรือ ธีราทร บุญมาทัน ได้รับการลงคะแนนให้ติดทีมยอดดีเลิศของเอเชีย ในเว็บไซต์ โกล ดอท คอม


ทั้งยังรวมไปถึง น้องเมย์ หรือไม่ก็ รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันมือ 1 ของไทย คว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมเอเชีย จากการจัดเพราะว่าสำนักข่าว ฟ็อกซ์ สปอร์ต ซึ่งแต้มโหวตเกือบทั้งเรียบ แทบไม่ต้องสืบสวนเลยว่ามาจากประชาชนคนไทยเราๆ นี่แหละ


พร้อมทั้งล่าสุดมีอีกหนึ่งปรากฎการณ์ใหม่ ที่ชาวไซเบอร์ของไทยระดมพลกันเข้าไปไปกดไลค์แฟนเพจสโมสร ทีมอูเด อัลเมเรีย แห่งศึกลา ลีกา สเปน ต้นสังกัดปัจจุบันของ เจ้ามุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทย จากเริ่มต้นก่อนที่ มุ้ย จะย้ายไปร่วมทีม มีมัตถกกดไลค์เพียงเพียง 7000 กว่าครั้ง


แต่ในปัจจุบันยอดพุ่งกระฉูดขึ้นมาเป็น 3 แสนกว่าครั้ง มากขึ้นกระทั่งเดิม 50 เท่า ดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับสโมสรเล็ก ๆ แดนกระทิงดุ ที่ก่อนกำหนดหน้านี้คนรักเพจสโมสรหยุดพูดเป็นเป่าสาก มาถึงตอนนี้กระแสดีขึ้นพันธุ์หลังเท้าเป็นหน้ามือ


โดยไปการที่ได้สังเกตุ ร้อยละ 90 ของสามัญชนที่เข้าไปคอมเม้นต์และกดไลค์เป็นคนไทย แถมยังใช้ภาษาไทยในการแสดงความเห็น จนอดคิดไม่ได้ว่า พวกคนประเทศสเปนเขามาเห็นแล้วจะรู้สึกอย่างไร


ซึ่งถ้าลองคิดแบบใจเขาใจเรา ยกตัวอย่างเช่นหากสโมสรในไทยลีกยกตัวอย่างเช่นทีม ชัยนาท เอฟซี ไปเซ็นคว้าตัวนักเตะซูเปอร์สตาร์ของทีมชาติวานูอาตู มาร่วมทีม แล้วมีชาววานูอาตู ระดมกันเข้ามาพูดโวในแฟนเพจของสโมสรด้วยภาษาท้องถิ่นเต็มหน้าเพจละลานตาไปหมด เราคนไทยอ่านแล้วไม่เข้าใจว่า พวกนี้มันคุยอะไรกัน แล้วเราจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจบ้างหรือเปล่า คือไม่รู้สิ ถ้าเป็นผม ผมรำคาญนะ


แต่ในจุดนี้ยังไม่เท่าไหร่ เพราะหากมองในแง่ดี คิดในเรื่องการตลาด ถือเป็นถ้อยคำดีที่แฟนเพจของทีมเรา มีผู้เข้ามาเยี่ยมเยียนชมมีความนิยมมากขึ้น คงจะมีบ้างที่รู้สึกรำคาญ ผมเองเริ่มเห็นบางคอมเม้นต์พลัดคนสเปน ที่ครวญด้วยถ้อยคำจิกกัดแรงๆ เกี่ยวกับความประพฤติเกรียนแตก เข้าไปเล่นแสนยานุภาพ แบบไม่มีกิริยาและรู้จักกาลเทศะของชาวเน็ทไทยบางส่วนบ้างแล้ว


ในเรื่องนี้ไม่ว่าแอดมินจะโพสต์สถานะเรื่องอะไรก็ตาม คอมเม้นต์ของคนไทยก็มีแต่เรื่องของ เอล แดงดา เต็มไปหมด ทั้งๆ ที่เรื่องที่โพสต์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าตัวเลยสักนิด ข่าวของนักเตะภายในเหล่าคนอื่นๆ เรื่องการเพิ่มพูนทัพ หรือหายกลับมาจากกิริยาอาการบาดเจ็บ แม้กระทั่ง
  • ข่าวสารของทีมเยาวชน
  • ข่าวทีมแบดมินตัน 
  • ประกาศกิจกรรมช่วยเหลือการกุศล 
ซึ่งชาวไทยก็เข้าไปโพสต์ประมาณว่าไอ้นี่มันไม่ได้เรื่อง สู้  TD18 ไม่ได้ ต้องส่งมุ้ยลงสนามเท่านั้น คนไทยรอดูมุ้ยอยู่นะเฟ้ย ถ้าไม่เอามุ้ยลงจะเลิกเชียร์เลยคอยดู บลา ๆ ๆ

ด้วยกันยิ่งหลังจากเกม 2 นัดที่ผ่านมา ที่มุ้ยได้ลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม ที่เสมอกับ เอสปันญอล 1-1 และ แพ้ เคตาเฟ่ 0-1 มีลูกเพจชาวไทยเข้าไปกระหน่ำด่าแข้งผิวสี ทั้ง โจนาธาน ซองโก้ และ ติเอวี่ บิฟูม่า อย่างสาดเสียเทเสีย ว่า

  • เล่นบอลประสบแก่ตัว
  • หวงฟุตบอล
  • ขี้เลี้ยง
  • ไม่จำยอมจ่ายบอลให้มุ้ย 
ซึ่งหากผมเองจะเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ ถึงกระนั้นก็ยังอดอยากคิดไม่ได้อีกราวกันว่า แล้วอย่างนี้เพื่อนร่วมทีมเขาจะไม่มันไส้มุ้ยไปกันใหญ่รึไง โดยล้วนๆพวกนักเตะที่ปะทะคนไทยด่า ถ้าหมายถึงพวกจิตใจแน่นหน่อยคงยิ่งไม่หลงใหลหน้ามุ้ยไปกันใหญ่

สร้างผ่านมาในเวลาแรกๆ ผมเข้าไปเพจอัลเมเรีย เพื่อคาดอ่านความเห็นของชาวต่างชาติ ว่าเขาคิดกับนักเตะของเราอย่างไร มองเป็นเรื่องการท้องตลาดหรือเนื่องจากฝีเท้า และพอใจผลงานหรือไม่ แต่ยิ่งนานเข้า ก็ยิ่งมีแต่คอมเม้นต์ภาษาไทยเต็มไปเรียบ


ซึ่งหลังๆ เลยเข้าไปเท่าอ่านข่าวเท่านั้น เพราะว่าแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเกินในการอ่านความคิดทรรศนะเกรียนๆบางครั้งพวกนี้ทำให้ผมนึกถึงพวกที่เป็นที่นิยมโพสต์ฝากร้าน คือมันไม่ได้อ่านหรอกว่าเขาคุยอะไรกันอยู่ กรูแค่อยากจะขอฝากร้าน มีอะไรมั้ย


พร้อมด้วยที่หนักข้อไปกันโต้งก็คือ แฟนบอลไทยลีกบางสโมสรเข้าไปไม่ลงรอยกันด่ากันในแฟนเพจอัลเมเรีย ถามหน่อยเถอะว่าคิดได้ยังไง การกระทำแบบนี้ล่ะชาวต่างชาติเขาถึงยังมองคนไทยว่าต่ำการศึกษา ไม่ใส่รองเท้า และขี่ช้างไปเรียนหนังสืออยู่


ซึ่งนี่ไม่น่าอัศจรรย์เลยที่ทุกคนเอาใจช่วยมุ้ย อยากให้มุ้ยประสบความสำเร็จ ในฐานะมือสองของประเทศชาติ ผมเองก็เช่นกัน แต่อยากขอให้ทำแค่พอดีๆ นึกถึงความร้อนใจที่มุ้ยอาจจะได้รับผลแตะบ้าง


เบาบางคำพูดที่น่าจะจำกัดความได้ดีที่สุดก็คงเป็นคำว่า ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี ยังไงก็ขอวานด้วยนะครับ







เมื่อโพลเผยว่า ราฟาโกยค่าจ้างมากสุดลีกกัลโช่

โพลเผย!

ขณะทาง กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต แบโพล เผยว่า ราฟาเอล เบนิเตซ ได้รับค่าเหนื่อยมากสุดลีก กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี 157.5 ล้านบ. ต่อปี ถึงกระนั้นมากสุดใน อิตาลี ตกว่า นายอันโตนิโอ คอนเต้หรือไม่ก็ประมาณ 167.25 ล้านบ. ต่อปี

ซึ่งทิศ กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต ที่ทั้งเป็นสื่อกีฬาชื่อดังแดนมะกะโรนี ได้ไม่มิดชิดโพลวิเคราะห์ผลบอลสำรวจค่าเหนื่อยของเหล่าบรรดากุนซือในลีก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี โดยระบุว่า เทรนเนอร์ที่รับค่าจ้างมากที่สุดในฤดูกาล 2014-15 นั้นได้แก่ ราฟาเอล เบนิเตซ เฮดโค้ชมาดบ๋อยอ้วนของทีม นาโปลี ซึ่งสมัยปัจจุบันรับอยู่ที่ 3.5 ล้านยูโรหรือ 157.5 ล้านบาท ต่อปี


ในส่วนของอนุกรม 2-3 นั้นได้แก่ 


  • วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ ของทีม อินเตอร์ มิลาน 3.3 ล้านยูโรหรือ 148.5 ล้านบาท ต่อปี 
  • รูดี้ การ์เซีย ของทีม อาแอส โรม่า 2.8 ล้านยูโรหรือ 126 ล้านบาท ต่อปี 


และในขณะที่ 2 กุนซือที่เพิ่งจะได้งานใหม่อย่าง 

  • มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี สิ่งทีม ยูเวนตุส โดยรับอยู่ที่ 2.4 ล้านยูโรหรือ 108 ล้านบาท ต่อปี
  • ฟิลิปโป้ อินซากี้ ของทีม เอซี มิลาน 1.5 ล้านยูโรหรือ 67.5 ล้านบาท ต่อปีตามลำดับ


พร้อมกับสำหรับกุนซือที่ได้รับสารภาพค่าจ้างรายปีน้อยที่สุด คือ 


  • เมาริซิโอ ซาร์รี่ ของทีม เอ็มโปลี ซึ่งรับอยู่แค่ 300,000 ยูโรหรือ 13.5 ล้านบาท ต่อปีเท่านั้น 


ในหมู่ของ อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือทีมชาติ อิตาลี นั้น ได้รับ 3.65 ล้านยูโรใช่ไหม 164.25 ล้านบาท ต่อปี ซึ่งมากที่สุดในแดนมะกะโรนี

หน่วยค่าเงิน 1 ยูโร = 45 บาท


รายชื่อ20 ชิ้นดับกุนซือที่ได้ค่าจ้างมากที่สุดใน อิตาลี



  1. ราฟาเอล เบนิเตซ - ทีมนาโปลี ได้ค่าจ้าง 3.5 ล้านยูโร
  2. วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ - ทีมอินเตอร์ มิลาน ได้ค่าจ้าง 3.3 ล้านยูโร
  3. รูดี้ การ์เซีย - ทีมโรม่า  ได้ค่าจ้าง 2.8 ล้านยูโร
  4. มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี - ทีมยูเวนตุส ได้ค่าจ้าง 2.4 ล้านยูโร
  5. ฟิลิปโป้ อินซากี้ - ทีมเอซี มิลาน ได้ค่าจ้าง 1.5 ล้านยูโร
  6. วินเซนโซ่ มอนเตลล่า - ทีมฟิออเรนติน่า ได้ค่าจ้าง 1.4 ล้านยูโร
  7. ซินิซ่า มิไฮโลวิช - ทีมซามพ์โดเรีย ได้ค่าจ้าง 1.2 ล้านยูโร
  8. สเตฟาโน่ โคลันตูโอโน่ - ทีมอตาลันต้า ได้ค่าจ้าง 900,000 ยูโร
  9. จานปิเอโร่ กาสเปรินี่ - ทีมเจนัว ได้ค่าจ้าง 800,000 ยูโร
  10. จามปิเอโร่ เวนตูร่า - ทีมโตริโน่ ได้ค่าจ้าง 800,000 ยูโร
  11. อันเดรีย สตรามัชโชนี่ - ทีมอูดิเนเซ่ ได้ค่าจ้าง 800,000 ยูโร
  12. เบ็ปเป้ ยาคินี่ - ทีมปาแลร์โม่ ได้ค่าจ้าง 700,000 ยูโร
  13. โรแบร์โต้ โดนาโดนี่ - ทีมปาร์ม่า ได้ค่าจ้าง 700,000 ยูโร
  14. ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ - ทีมซาสซูโอโล่ ได้ค่าจ้าง 700,000 ยูโร
  15. อันเดรีย มันดอร์ลินี่ - ทีมเฮลลาส เวโรน่า ได้ค่าจ้าง 650,000 ยูโร
  16. สเตฟาโน่ ปิโอลี่ - ทีมลาซิโอ ได้ค่าจ้าง 600,000 ยูโร
  17. ซเดเน็ก ซีแมน - ทีมกายารี่ ได้ค่าจ้าง 500,000 ยูโร
  18. ปิแอร์เปาโล บิโซลี่ - ทีมเชเซน่า ได้ค่าจ้าง 400,000 ยูโร
  19. ยูเจนิโอ คอรินี่ - ทีมคิเอโว่ ได้ค่าจ้าง 400,000 ยูโร
  20. เมาริซิโอ ซาร์รี่ - ทีมเอ็มโปลี ได้ค่าจ้าง 300,000 ยูโร

รู้สึกขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก >>>>> http://footballclubpza.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น